ศูนย์ข้อมูลอาเซียนโรงเรียนวัดลานบุญ

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข้อมูลและประวัติของประเทศบรูไน


ประเทศบรูไน

ชื่อทางการ             : บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)
เมืองหลวง              : บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan)
ศาสนาประจำชาติ   : ศาสนาอิสลาม
ดอกไม้ประจำชาติ   : ดอกซิมปอร์ (Simpor) ดอกซิมปอร์มีปรากฏอยู่บนธนบัตร 1 ดอลลาร์บรูไนด้วย
วันชาติ                   : 23 กุมภาพันธ์
วันที่เป็นสมาชิกอาเซียน : 7 มกราคม พ.ศ.2527
ภาษาประจำชาติ     : ภาษามาเลย์ (Bahasa Melaysia)
ภาษาราชการ         : ภาษามาเลย์ (Bahasa Melaysia)


ลักษณะทางภูมิศาสตร์
          บรูไนมีพื้นที่ประมาณ 5,765 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บนเกาะบอร์เนียว ในทะเลจีนใต้


“ภูมิประเทศ”
          ประกอบด้วยพื้นที่สองส่วนที่ไม่ติดกัน โดยพื้นที่ด้านตะวันตก มีประชากร 97% ส่วนพื้นที่ด้านตะวันออกซึ่งเป็นภูเขา มีประชากรเพียง 10,000 คน สำหรับพื้นที่ชายฝั่งทางด้านเหนือของบรูไน ติดกับทะเลจีนใต้ ส่วนพรมแดนทางบกที่เหลือทั้งหมดถูกล้อมรอบด้วยรัฐซาราวักประเทศมาเลเซีย

“ภูมิอากาศ”
          ภูมิอากาศเขตร้อน มีอุณหภูมิและความชื้นสูง และมีฝนตกชุกตลอดปี

ประชากร
          มีจำนวนประชากรประมาณ 401,890 คน ส่วนใหญ่มีเชื้อชาติมลายูรองลงมาคือ จีน และชาวพื้นเมือง

การเมืองการปกครอง
          ปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นทั้งประมุข นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พระมหากษัตริย์ของบรูไนจะต้องเป็นชาวบรูไนเชื้อสายมาเลย์โดยกำเนิดและนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ สำหรับพรรคการเมืองจะถูกจำกัดบทบาทอย่างมาก ปัจจุบันบรูไนแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 เขต คือบรูไน- มูอารา เบเลต ตูตง และเตมบูรง

เศรษฐกิจและทรัพยากรที่สำคัญ
          บรูไนเป็นประเทศร่ำรวย เพราะเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอาเซียน และเป็นผลิตก๊าซธรรมชาติ LNG เป็นอันดับ 4 ของโลก สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ บรูไนยังมีอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลที่มีมาตรฐานการผลิตที่ถูกต้องตามบัญญัติของศาสนาอิสลาม ปัจจุบันบรูไนมีการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีความหลากหลาย โดยการส่งเสริมบทบาทของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม รวมทั้งเปิดเสรีด้านการค้า

ประวัติ
          *ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 บรูไนมีอำนาจและชื่อเสียงทางด้านการค้า และครอบครองอาณาเขตส่วนใหญ่ในเกาะบอร์เนียวและส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซูลุ
          *ต่อมาเมื่อสเปนและฮอลันดาแผ่อำนาจเข้ามาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บรูไนก็เสียดินแดนและเสื่อมอำนาจลง
          *ใน พ.ศ.2449 บรูไนได้ลงนามในสนธิสัญญายินยอมเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ เพราะเกรงว่าจะต้องเสียดินแดนไป และหลังจากนั้นไม่นานบรูไนก็สำรวจพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เมืองเซรีอา ทำให้บรูไนเป็นประเทศที่มีฐานะมั่งคั่ง
          *ใน พ.ศ.2505 พรรคประชาชนบอร์เนียวได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นจากการเลือกตั้ง แต่ถูกกีดกันไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล จึงมีความพยายามที่จะยึดอำนาจจากสุลต่านแต่ไม่สำเร็จ รัฐบาลของสุลต่านจึงประกาศกฎอัยการศึก โดยต่ออายุประกาศทุกๆ 2 ปี เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
          *บรูไนได้รับเอกราช เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 หลักจากอยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษมานานถึง 95 ปี

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.9ddn.com/content.php?pid=767

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น